Font size
  • A-
  • A
  • A+
Site color
  • R
  • A
  • A
  • A
RMUTI LMS
  • หน้าแรก
  • รายวิชาทั้งหมด
  • สำหรับอาจารย์
    แบบฟอร์มแจ้งความประสงค์ผลิตสื่อการเรียนการสอน ( บันทึกการอบรม ) หัวข้อการจัดการเนื้อหาและการจัดการผู้เรียน ( บันทึกการอบรม ) หัวข้อการจัดการข้อสอบ คู่มือการใช้งานระบบ RMUTI LMS ขอสร้างรายวิชา กระทู้ถาม-ตอบ สำหรับอาจารย์ คู่มืออื่นๆ
    สำหรับนักศึกษา
    ตรวจสอบใบประกาศนียบัตร คู่มือการใช้งานระบบ RMUTI LMS
  • สถิติ
  • ติดต่อเรา
  • English ‎(en)‎ Thai ‎(th)‎
  • เข้าใช้บริการ
ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

สาขาศิลปศาสตร์

  1. หน้าหลัก
  2. รายวิชาทั้งหมด
  3. 5200 คณะอุตสาหกรรมและเทคโนโลยี
  4. สาขาศิลปศาสตร์
  • 1 หน้า 1
  • 2 หน้า 2
  • 3 หน้า 3
  • » หน้าถัดไป
English Structure
อลิสรา ศรียงค์
สาขาศิลปศาสตร์

English Structure

Past of speech
อลิสรา ศรียงค์
สาขาศิลปศาสตร์

Past of speech

กฎหมายแรงงาน
ทรงยุทธ ต้นวัน
สาขาศิลปศาสตร์

กฎหมายแรงงาน

แสดงความรู้เกี่ยวกับกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับแรงงาน แรงงานสัมพันธ์และการประกันสังคม

Introduction to Reading
สุนันท์ แก้วอาษา
สาขาศิลปศาสตร์

Introduction to Reading

English Reading for Pleasure
สุนันท์ แก้วอาษา
สาขาศิลปศาสตร์

English Reading for Pleasure

Reading Strategies
สุนันท์ แก้วอาษา
สาขาศิลปศาสตร์

Reading Strategies

English Writing for Daily Life
สุนันท์ แก้วอาษา
สาขาศิลปศาสตร์

English Writing for Daily Life

จิตวิทยาสำหรับครู
จิราภรณ์ เชื้อพรวน
สาขาศิลปศาสตร์

จิตวิทยาสำหรับครู

จิตวิทยาสำหรับครู

English for Communication
สุนันท์ แก้วอาษา
สาขาศิลปศาสตร์

English for Communication

English Reading for Academic Purposes
สุนันท์ แก้วอาษา
สาขาศิลปศาสตร์

English Reading for Academic Purposes

ภาษาอังกฤษเพื่อการท่องเที่ยว
จิราภรณ์ เชื้อพรวน
สาขาศิลปศาสตร์

ภาษาอังกฤษเพื่อการท่องเที่ยว

ภาษาอังกฤษเพื่อการท่องเที่ยว

ภาษาไทยเพื่อการสื่อสาร
พานทอง ศุภโกศล
สาขาศิลปศาสตร์

ภาษาไทยเพื่อการสื่อสาร

 การสื่อสาร

English for Study Skills Development
สุนันท์ แก้วอาษา
สาขาศิลปศาสตร์

English for Study Skills Development

พัฒนาทักษะการฟัง การพูด การอ่านและการเขียนภาษาอังกฤษ 

การอ่านเพื่อพัฒนาตนเอง
พานทอง ศุภโกศล
สาขาศิลปศาสตร์

การอ่านเพื่อพัฒนาตนเอง

การอ่าน

ภาษาและวัฒนธรรมสำหรับครู
ยุพิน เรืองแจ้ง
สาขาศิลปศาสตร์

ภาษาและวัฒนธรรมสำหรับครู

การใช้ภาษาเพื่อการสื่อสาร สำหรับครู

คุณค่าของมนุษย์:ศิลป์และศาสตร์ในการดำเนิน
จิราภรณ์ เชื้อพรวน
สาขาศิลปศาสตร์

คุณค่าของมนุษย์:ศิลป์และศาสตร์ในการดำเนิน

คุณค่าของมนุษย์

การพัฒนาคุณภาพชีวิตและสังคม
จิราภรณ์ เชื้อพรวน
สาขาศิลปศาสตร์

การพัฒนาคุณภาพชีวิตและสังคม

การพัฒนาคุณภาพชีวิต

การพัฒนาคุณภาพชีวิตและสังคม

หน่วยที่ 1 การสร้างแนวความคิดและเจตคติด้วยตนเอง

ปรัชญา (Philosophy)

1.นิยามความหมายตามรูปศัพท์

ปฺร        แปลว่า  ประเสริฐ สูงไกล

ชฺญา      แปลว่า  ความรู้

ปรัชญา  หมายความว่า ความรู้อันเปริฐ

Philosophy         มาจากรากศัพท์กรีกโบราณ 2 คำ

Philo                 แปลว่า ความรัก หรือผู้รัก

Sophia   แปลว่า ความรู้ ความปราดเปรื่อง

*เมื่อนำมารวมกัน แปลว่า ความรักในความรู้ หรือ Love of wisdom แต่เมื่อเปรียบเทียบความหมายของภาษาอังกฤษแล้วจะเห็นว่าไม่เหมือนกันแต่ให้เข้าใจว่าเป็นเพียงการกำหนดใช้เพื่อสื่อความหมายให้เป็นที่เข้าใจตรงกัน

2. นิยามความหมายปรัชญาตามการใช้  มี 2 ลักษณะคือ

            1. ความหมายแรกปรัชญา คือ  ศาสตร์แขนงหนึ่งที่เรียนกันในสถาบันอุดมศึกษา มีขอบเขตเนื้อหาแบ่งออกเป็น 4 แขนง คือ ภววิทยา ญาณวิทยา  คูณวิทยา และ ตรรกวิทยา

            2. ความหมายที่สอง  ปรัชญา หมายถึง แนวคิด คติ ความเชื่อ หรือ ข้อคิด ปรัชญาในความหมายนี้อาศัยรากฐานแนวความคิดมาจากคำสุภาษิต และคำพังเพย เช่น  เป็นคนดีไม่ได้ก็ตายเสียดีกว่า น้ำมันพอหาได้แต่น้ำใจสิหายาก  ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นต้น

ปรัชญาในการดำรงชีวิตของบุคคล

-        จำเป็นต้องมีหลักยึดถือปฏิบัติ

-        เพราะมนุษย์มีสมอง สามารถรู้ คิด และพัฒนา

-        รู้จักสังเกตจากธรรมชาติ ความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ และสิ่งแวดล้อมรอบตัว

-     มีการศึกษา เรียนรู้และถ่ายทอดสืบต่อกันมา

* นั้นก็คือ ปรัชญาในการดำรงชีวิตของบุคคล

*และยังต้องอาศัย

- แนวความคิดที่ได้เป็นลักษณะของลัทธิทางปรัชญา

- เกิดการเรียนรู้ และทำความเข้าใจถึงความสำคัญ

      - ทำให้มีอิทธิพลต่อการดำรงชีวิตจนยึดเป็นหลักปฏิบัติ

ความหมายของปรัชญา

-        ปรัชญา ตรงกับภาษาอังกฤษ Philosophy

-        ปรัชญามาจากภาษาสันสกฤต ประกอบด้วยรากศัพท์ 2 คำ คือ ปฺร กับ ชฺญา

-        ปฺร แปลว่า ประเสริฐ  ชฺญา แปลว่า ความรู้ รวมกันแปลว่า ความรู้อันประเสริฐ

-        ส่วนคำว่า Philosophy มาจากภาษากรีกว่า Philosophia มีรากศัพท์มาจากคำ 2 คำ คือ

-        Philo แปลว่า ความสนใจ ความสงสัย ความอยาก Sophia แปลว่า ความรู้

รวมกันเป็น ความอยากในความรู้

-        นักปราชญ์บางคนนิยามคำว่า ปรัชญา หมายถึง หลักแห่งความรู้และความจริงอันสูงสุด อันเป็นอมตะ

-        บางกลุ่มนิยามว่า ความรู้ที่สากลและจำเป็น

-        เพลโต (Plato) กล่าวว่า เป็นการศึกษาหาความรู้สิ่งที่เป็นนิรันดรและธรรมชาติที่แท้จริงของสิ่งนั้น

-        อริสโตเติล (Aristotle) กล่าวว่า ปรัชญาเป็นศาสตร์ที่ค้นคว้าหาความแท้จริงของสิ่งที่มีอยู่โดยตนเอง

-        คานท์ (Immanuel Kant) กล่าวว่า ปรัชญาคือสิ่งที่ว่าด้วยความรู้และการวิเคราะห์วิจารณ์หรือการตรวจสอบความรู้

-        เจมส์ (William James) กล่าวว่า ปรัชญาคือหลักการที่ใช้อธิบายถึงสิ่งทั้งปวงโดยไม่มีการยกเว้น

-        คองท์ (August Conte) กล่าวว่า ปรัชญา คือศาสตร์แห่งศาสตร์ทั้งปวง

สรุป

-        ปรัชญา คือ หลักแห่งความรู้และความจริง หลักแห่งการแสวงหาความรู้ความจริง และหลักแห่งการค้นคว้าหาเหตุผล ความแท้จริงของสรรพสิ่งในโลก ครอบคลุมศาสตร์ทั้งปวง ปรัชญาจึงเป็นความรู้ที่สากลและจำเป็น กล่าวคือใช้ได้กับทุกวิชา และทุกวิชาต้องมีหลักปรัชญา

-        Philosophy = Love of wisdom / Love of knowledge

(ความรักในความรู้ รักในปัญญา)

ศาสนา (Religion)

ศาสนา = คำสั่งสอน หมายถึง หลักคำสอนหรือหลักปฏิบัติที่ผู้เป็นศาสดาได้ประกาศสั่งสอนแก่ศาสนิกชน

            1. ศาสนาแบบเทวนิยม  (Theism) = ศาสนาที่เชื่อถือในพระเจ้า  เช่น

                            - ศาสนาพราหมณ์ฮินดู

                            - ศาสนาอิสลาม

                            - ศาสนาคริสต์

2. ศาสนาแบบอเทวนิยม (Atheism)

= ศาสนาที่ปฏิเสธอำนาจพระเจ้า เช่น

                            - ศาสนาพุทธ

                            - ลัทธิเต๋า

                           - เชน

ความสำคัญของปรัชญาต่อการดำรงชีวิตของบุคคล

1. ปรัชญาสร้างโลกทัศน์ให้กับบุคคล

หมายถึง ปรัชญาช่วยให้บุคคลเกิดการเรียนรู้ที่จะคิดพิจารณาสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในโลก ทำให้มนุษย์เห็นความสัมพันธ์ระหว่างวิทยาการต่าง ๆ เข้าใจระบบโลก

และชีวิต

2. ปรัชญาทำหน้าที่วิจารณ์

   หมายถึง ปรัชญาทำหน้าที่วิพากษ์ และวิเคราะห์ วิจารณ์ภาษาและความคิดต่าง ๆ ให้กระจ่างชัดเจน และมีความหมายที่แน่นอนยิ่งขึ้น เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องและตรงกัน เช่น ความสวยงามที่แน่จริงคืออะไร

3. ปรัชญาแสวงหาคุณค่าให้กับชีวิต

   หมายถึง การที่ปรัชญาสามารถช่วยในการพิจารณาเลือกสิ่งที่มีคุณค่าเหมาะสม ไม่หลงใหลคล้อยตามสิ่งใดโดยง่าย รู้จักคิดด้วยตัวของเราเอง ไม่ด่วนตัดสินใจอะไรง่ายๆ หรือหวังพึ่งพาคนอื่นให้ตัดสินใจแทนตน

อิทธิพลของปรัชญาต่อการดำรงชีวิตของบุคคล

เพราะการที่ปรัชญามีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับศาสตร์ ความคิด หรือความเชื่ออื่น ๆ มีความสัมพันธ์กับการดำรงชีวิตของมนุษย์ ปรัชญาช่วยศาสตร์ต่าง ๆในการหาสาเหตุ แต่เมื่อได้ข้อยุติจะกลายเป็นศาสตร์แขนงอื่น ๆไป

อิทธิพลของปรัชญาที่เกี่ยวข้องกับศาสตร์ต่าง ๆ ได้แก่

1.     ปรัชญากับความรู้ทางวิทยาศาสตร์

-       มีจุดประสงค์เดียวกัน คือ แสวงหาความถูกต้องแน่นอน ปรัชญายังมุ่งค้นคว้าหาสาเหตุและนำไปประยุกต์ใช้อย่างเหมาะสม

-       อาจกล่าวได้ว่าปรัชญาเป็นบิดาของวิทยาศาสตร์วิธีการทางปรัชญาจะช่วยเสนอแบบอย่างการสร้างทฤษฎีเอาไว้อย่างเป็นหลักเป็นฐานก่อนที่วิทยาศาสตร์จะเกิดขึ้น

2.     ปรัชญากับความรู้ด้านศาสนา

-       เนื่องจากศาสนาเป็นสิ่งที่ให้แนวคิดและแนวปฏิบัติ หรือหลักการที่ทำให้เราสามารถอยู่ในสังคมอย่างสงบสุข

-       ปรัชญาและความรู้เป็นสิ่งที่แสวงหาความจริง ความดีงามให้กับชีวิตของบุคคลโดยยึดหลักเหตุผล และปรัชญาจะช่วยทำให้ศาสนามีความมั่นคงยิ่งขึ้น

3.     ปรัชญากับรัฐศาสตร์

มีความสัมพันธ์กันในด้านการจัดการรูปแบบหรือการแสวงหาหลักปฏิบัติทางสังคม ซึ่งในแนวคิดทางสังคม การเมืองการปกครอง มักยึดหลักปรัชญาเป็นพื้นฐาน

ความสำคัญของศาสนา-ปรัชญา ต่อการดำรงชีวิต

ปรัชญาเมธีอินเดีย “การกิน การหลับนอน ความหวาดกลัวอันตราย การสืบพันธุ์ พฤติกรรมทั้ง 4 นี้มีเสมอกันทั้งมนุษย์และสัตว์ ธรรมะเท่านั้นทำให้มนุษย์เหนือกว่าสัตว์         ไร้ธรรมะเสียแล้ว มนุษย์ก็เสมอกับสัตว์”        

            ธรรมะ = หลักการหรือแนวทางดำเนินชีวิตที่ดีงาม เกิดจากความคิดเชิงเหตุผล

แล้วธรรมะสำคัญสำหรับคุณไหม?

ความสำคัญของศาสนธรรม

1. การพัฒนาคุณภาพชีวิต  สู่จุดมุ่งหมายสูงสุดในศาสนา

            - ศาสนาแบบเทวนิยม - ได้เข้าถึงอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้า

            - ศาสนาแบบอเทวนิยม -  หลุดพ้นจากกิเลส (พุทธ = นิพพาน)

2. กำหนดกรอบความประพฤติ   ให้สมาชิกอยู่ร่วมกัน

            - ศีล ทาน ความเมตตาความรัก

3. เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวทางจิตใจ

ความสัมพันธ์ระหว่างหลักธรรมทางศาสนา
กับปรัชญาในการดำรงชีวิต

-       ปรัชญาทำให้บุคคลเข้าใจสภาพของโลกโดยรวมเพื่อเพิ่มความสามารถในการดำรงชีวิตที่ดี

-       ศาสนาพยายามแสวงหาแนวทางให้บุคคลสามารถดำรงชีวิตอยู่ในโลกได้อย่างสงบสุข

-       ความเกี่ยวข้องระหว่างศาสนากับปรัชญาสามารถแยกออกได้ 2 ประเด็น คือ

1.     เกี่ยวข้องกันทางการกำเนิด

-       ศาสนากับปรัชญาเกิดขึ้นมาในเวลาใกล้เคียงกัน โดยศาสนาเกิดก่อนปรัชญา

-       ข้อสังเกตคือ ขณะที่มนุษย์มีความต้องการแสวงหาแนวทางแก้ปัญหาชีวิตด้วยการยึดมั่นในหลักศาสนา แนวคิดปรัชญาก็เกิดขึ้นตามมา และสามารถช่วยให้เกิดความเข้าใจมากขึ้นในหลักการของความเชื่อต่างๆ

2.     ความเกี่ยวข้องกันทางหน้าที่

-       ศาสนามีหน้าที่ คือ การแก้ปัญหาชีวิตหรือการปฏิบัติเพื่อความสุขของวงจรชีวิต

-       ปรัชญามีหน้าที่ คือ ขจัดความสงสัย เผยความจริงที่คลุมเครือให้เปิดเผย

-       หลักธรรมทางศาสนาทุกศาสนามีความสำคัญต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์เพราะเมื่อศาสนาได้กำหนดหลักธรรมคำสอนที่ถือได้ว่าเป็นปรัชญาในการดำรงชีวิต  บุคคลในสังคมย่อมได้รับการปลูกฝังแนวคิด และการปฏิบัติจากหลักการทางศาสนา แล้วนำมาใช้เป็นหลักปรัชญาในการดำรงชีวิต ย่อมทำให้ตนเองและสังคมอยู่ร่วมกันอย่างก้าวหน้าและสงบสุข

ความสำคัญของปรัชญา

1. ช่วยสร้างโลกทัศน์ที่สมบูรณ์

(World Vision) รู้กว้าง รู้แบบองค์รวม

                        - นิทานตาบอดคลำช้าง

คนคลำถูกงาช้าง    ก็บอกว่าคือ เขี้ยวยักษ์

                        คนคลำถูกขาช้าง    ก็บอกว่าคือ เสา

                        คนคลำถูกหูช้าง     ก็บอกว่าคือ ใบบัว

                        จนสรุปยังตอบไม่ได้ว่าสิ่งที่คลำทั้งหมดคืออะไร

2. ช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูลข่าวสารอย่างมีวิจารณญาณ

 (Critical Mind) เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องและตรงกัน เช่น การพิจารณาความสวยงามที่แท้จริงมีคุณค่าเป็นอย่างไร ความดีงามในฐานะนักศึกษาเป็นอย่างไร

3. ช่วยให้มีหลักในการประเมินค่า (Value Judgment) การแสวงหาคุณค่าให้กับชีวิต

                        - ปรัชญาสุขนิยม แสวงหาความสุขภายนอก

                        - ปรัชญาศานตินิยม แสวงหาความสุขจากภายใน

ตัวอย่างหลักธรรม / ปรัชญา / คติ / คำคม

            - ลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะตน

            - จะดีจะชั่วอยู่ที่ตัวทำ  จะสูงจะต่ำอยู่ที่ทำตัว
- ความสุขที่ยาวนาน    จะรอนรานความเป็นคน

      ความทุกข์ที่เกินทน  จะหลอมคนให้ทนทาน
- ก้าวแรกที่พลาดพลั้ง คือ ก้าวหลังที่มั่นใจ

     ก้าวสองที่พลาดไป  คือ ก้าวใหม่ที่มั่นคง

            - ตราบใดยังมีความหวัง ตราบนั้นยังมีหนทางเสมอ

หลักธรรมพื้นฐานในการดำรงชีวิต

islamsymbolwatnongkanak-1224946370-10-250-127-69

HM17426

 

inline_aum-symbol yingyang

หลักธรรมสำคัญในการดำรงชีวิต

ธรรม มีความหมาย 3 ระดับ

1. สัจธรรม = หลักความจริงที่มีลักษณะสากล / กฎธรรมชาติ

เช่น อริยสัจ 4 (ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค) ไตรลักษณ์ (ทุกขัง อนิจจัง อนัตตา) ฯลฯ

2. จริยธรรม = หลักการดำเนินชีวิตที่ดีงาม ถูกต้องเหมาะสม

3. วัฒนธรรม = เป็นกฎเกณฑ์ระเบียบแบบแผนในการดำเนิน

ชีวิตที่สังคมสร้างขึ้น

หลักปรัชญาในการดำรงชีวิตที่ควรยึดถือและปฏิบัติ

—  หลักศาสนาหรือหลักปรัชญาในการดำรงชีวิตที่ควรยึดถือและปฏิบัติ ควรต้องมีความเหมาะสมกับสภาพความเป็นจริงของชีวิต โดยไม่สร้างความเดือดร้อนหรือเกิดทุกข์

   มนุษย์จึงควรแสวงหาสาระของชีวิต

   ตามหลักศาสนา ต่อไปนี้

1.      ปรัชญาการดำรงชีวิตตามหลักธรรมของศาสนาพุทธ

พุทธศาสนากำหนดหลักการที่เป็นคำสอนที่สำคัญ คือ โอวาทปาติโมกข์ อันประกอบด้วย การไม่ทำชั่ว (ศีล) การบำเพ็ญความดี (สมาธิ) และการทำจิตใจให้ผ่องใส (ปัญญา)

คำสอนสำคัญที่เป็นหัวใจของศาสนาพุทธ คือ อริยสัจสี่ อันประกอบด้วย ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค

ศาสนาคริสต์ : ศาสนาแห่งความรัก

พระเจ้า = พระยะโฮวา

พระศาสดา = พระเยซู        

คัมภีร์ = ไบเบิล

2.      ปรัชญาในการดำรงชีวิตตามหลักธรรมของศาสนาคริสต์

เป็นศาสนาประเภทเทวนิยม ที่เน้นการเชื่อถือในพระเจ้า สอนให้มนุษย์ปฏิบัติตามหลักบัญญัติ 10 ประการ คือ

1.      อย่ามีพระเจ้าอื่นใดอีก

2.      อย่านับถือรูปบูชาใดๆ

3.      อย่าเอ่ยพระนามพระเจ้าโดยไม่เคารพ

4.      ทำงานใน 6 วัน วันที่ 7 ถือเป็นวันบริสุทธิ์ ให้หยุดทำงานทั้งปวง

5.      จงนับถือบิดามารดาของตน

6.      อย่าฆ่ามนุษย์

7. อย่าละล่วงประเวณีผัวเมียเขา

8. อย่าลักทรัพย์

9. อย่าเป็นพยานเท็จ

10. อย่าโลภสิ่งใดๆที่เป็นของเพื่อนบ้าน

จะเห็นว่าเป็นศาสนาที่สอนให้มนุษย์เป็นผู้มีสติ มีหลักยึดถือที่แน่นอน และเป็นผู้ดำรงชีวิตที่ไม่ทำความเดือดร้อนแก่ผู้อื่นและสังคม

พระวจนะ กฎแห่งความรัก

                 “ ท่านทั้งหลายได้ยินคำกล่าวไว้ว่า ตาแทนตา   ฟันแทนฟัน แต่เราขอบอกท่านว่า จงอย่าโต้ตอบคนชั่ว ถ้าผู้ใดตบแก้มขวาของท่าน จงหันแก้มซ้ายให้เขาด้วย ” 

     “ จงรักศัตรูของท่านและจงอธิษฐานเพื่อผู้ที่ข่มเหงท่าน ”

                 ศาสนาอิสลาม : ศาสนาแห่งสันติ

พระเจ้า = พระอัลเลาะห์

พระศาสดา = นะบีมูฮำหมัด

คัมภีร์ = อัลกุราอาน

3.      ปรัชญาในการดำรงชีวิตตามหลักธรรมของศาสนาอิสลาม

-       เป็นศาสนาที่นับถือพระเจ้าองค์เดียวและเชื่อถือในเรื่องวันสิ้นโลก วันพิพากษา

-       คำสอนที่สำคัญ คือ จงทำความดีเพราะสิ่งนั้นเป็นสิ่งดี จงละสิ่งชั่วเพราะสิ่งนั้นเป็นสิ่งชั่ว

-       คำสอนในคัมภีร์อัลกุรอานระบุหลักการ 3 ประการ ได้แก่

1.      หลักศรัทธาหรือความเชื่อในศาสนา (อีมาน)

มีหลักการ 6 ประการ คือ

-       ศรัทธาในพระผู้เป็นเจ้า

-       ศรัทธาต่อเทวทูตของอัลลอฮ์

-       ศรัทธาต่อคัมภีร์อัลกุรอาน

-       ศรัทธาต่อศาสนทูต

-       ศรัทธาต่อวันสิ้นโลกหรือวันพิพากษา

-       ศรัทธาต่อกฎกำหนดสภาวการณ์

2.      หลักปฏิบัติหรือหน้าที่ในศาสนา (อิบาดะห์)

มี 5 ประการ คือ

-       การปฏิญาณตน(ยอมรับและเชื่อมั่นต่อพระอัลลอฮ์เพียงผู้เดียว)

-       การละหมาด (การสวดนมัสการพระอัลลอฮ์วันละ 5 เวลา)

-       การถือศีลอด (งดเว้นการบริโภคอาหาร เครื่องดื่ม เสพสังวาสตั้งแต่พระอาทิตย์ขึ้นจนพระอาทิตย์ตกดิน ปีละ 1 เดือน)

-       การบริจาคซะกาด (การบริจาคช่วยคนยากจน 1 ใน 40 ของรายได้ในรอบปี)

-       การประกอบพิธีฮัจญ์ (ไปประกอบศาสนกิจที่นครเมกกะให้ได้ ครั้งหนึ่งในชีวิต)

3.      หลักคุณธรรมหรือหลักความดี (อิห์ซาน)

-คือ การกำหนดว่าสิ่งใดที่ควรปฏิบัติและสิ่งใดที่ต้องละ แยกเป็น 2 ลักษณะคือ การกระทำที่อนุญาต และการกระทำที่ต้องห้าม

เศรษฐกิจพอเพียงตามวิถีสังคมไทย
(
Sufficiency Economy for Thai society

ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง

วิสัยทัศน์ใหม่ประเทศไทย พ.ศ.2550-2555
(New Vision of Thailand)

….To be the Green and Happiness Society

.....จะเป็นสังคมที่อยู่เย็นเป็นสุขร่วมกัน

    Green = Environment aspect

            Happiness = Economic aspect and Social aspect

            เน้นการพัฒนาที่สมดุลบนทุนเศรษฐกิจ ทุนสังคม และทุนสิ่งแวดล้อม

ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
(Sufficiency Economy Philosophy)

•      คือ แนวทางที่ประเทศไทยสมควรนำมาเป็นกรอบแนวคิดและแนวปฏิบัติ ในการพัฒนาชีวิต  ครอบครัว ชุมชน เศรษฐกิจ สังคมในทุกภาคส่วน

•      พระราชทานแนวทางมากว่า 30 ปีจากการดำเนินโครงการต่างๆอันเนื่องมาจากพระราชดำริ แต่เน้นหนักหลังภาวะวิกฤติเศรษฐกิจ 2540 จึงเรียกว่า “เศรษฐกิจพอเพียง”

•      พระราชทานให้เผยแพร่ใน พ.ศ. 2542

ในหลวงทรงเน้นย้ำถึงความหมายของเศรษฐกิจพอเพียง  (Sufficiency economy)  ซึ่งเป็นคำใหม่ของพระองค์ท่านอีกครั้งในปี พ.ศ. 2543

            “หมายความว่า ประหยัด แต่ไม่ใช่ขี้เหนียว ทำอะไรด้วยความอะลุ้มอล่วยกัน ทำอะไรด้วยเหตุและผลจะเป็นเศรษฐกิจพอเพียง แล้วทุกคนจะมีความสุข

   (พระราชดำรัสเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา : 4  ธันวาคม  2543)

เริ่มต้น: ง่ายๆจากแนวพระราชดำริสู่ความพอเพียง

คือ แนวคิดที่เน้นหนัก……

•      ทางสายกลาง (Middle of the Road)

•      ค่อยเป็นค่อยไป (Step by Step)

•      ระเบิดจากข้างใน (Inside Out)

•      ช้าๆแต่มั่นคง (Slow but Sure)

•      เท่าไรก็พอดี (Just Enough)

•      ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง  -  ทางสายกลาง  -ความพอเพียง

1.      วัตถุ   2.สังคม  3. สิ่งแวดล้อม 4. วัฒนธรรม

เป้าประสงค์

ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง           เศรษฐกิจพอเพียง  เป็นปรัชญาชี้ถึงแนวการดำรงอยู่และปฏิบัติตนของประชาชนในทุกระดับตั้งแต่ระดับครอบครัว  ระดับชุมชน จนถึงระดับรัฐ ทั้งใน การพัฒนาและบริหารประเทศให้ดำเนินไปใน  ทางสายกลาง โดยเฉพาะการพัฒนาเศรษฐกิจเพื่อให้ก้าวทันต่อโลกยุคโลกาภิวัตน์

หลักความพอเพียง

ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ความพอเพียง  หมายถึง  ความพอประมาณ ความมีเหตุผล รวมถึงความจำเป็นที่จะต้องมีระบบภูมิคุ้มกันในตัวที่ดีพอสมควร  ต่อการมีผลกระทบใด ๆ อันเกิดจากการเปลี่ยนแปลง ทั้งภายนอกและภายใน

ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมี  3  คุณลักษณะคือ

1.     ความพอประมาณ

1.1   ความพอดี, ไม่มากไม่น้อยจนเกินไป

1.2   โดยไม่เบียดเบียนตนเองหรือผู้อื่น

2.     ความมีเหตุมีผล

2.1 การตัดสินใจเกี่ยวกับระดับความพอเพียง

2.2 ต้องเป็นไปอย่างมีเหตุมีผล

2.3 โดยคำนึงถึงปัจจัยที่เกี่ยวข้อง : ตลอดจน

2.4 ผลที่คาดว่าจะเกิดจากการกระทำนั้นอย่างรอบคอบ

ระบบภูมิคุ้มกันตัว

(1)    ด้านวัตถุ

(2)    ด้านสังคม

(3)    ด้านสิ่งแวดล้อม

(4)    ด้านวัฒนธรรม

3.     การมีภูมิคุ้มกันในตัว

3.1 เตรียมตัวให้พร้อมต่อการรองรับผลกระทบใดฯ

3.2 จากการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ต่างฯ

3.3 ทั้งภายในและภายนอก

เนื้อหาของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง:2 เงื่อนไข

•      เงื่อนไขความรู้ (Knowledge) - รอบรู้ รอบคอบ ระมัดระวัง ใช้เหตุผลวิทยาศาสตร์

-นำเอาวิชาการต่างฯมาประกอบกันอย่างเหมาะสม

-รอบด้านในการวางแผน

•      เงื่อนไขคุณธรรม (Morality) - ซื่อสัตย์ สุจริต อดทน ความเพียร ไม่โลภเกินไป

-ตระหนักในคุณธรรม,ซื่อสัตย์,สุจริต

-และความพากเพียรในการดำเนินชีวิต

ทั่วๆไปของปุถุชนในวิถีเศรษฐกิจพอเพียง

ความพอประมาณ- คิด ทำ โดยไม่โลภจนเกินไป ไม่เกินตัว ไม่ตามกระแส จัดสรรเวลาและเงินให้พอดี

     ความมีเหตุผล- หมั่นพิจารณาตนเองตามวัย ฐานะ และ

     ศักยภาพที่มี ยึดมั่นคุณธรรมจริยธรรม

     ความมีภูมิคุ้มกันตนเอง- ออกกำลังกาย ออมทรัพย์ สร้างทุน

    สังคม ไม่ประมาท ไม่โง่เขลางมงาย หมั่นหาความรู้ใส่ตัวให้เท่า

    ทันโลก3 ระดับเศรษฐกิจพอเพียงในปุถุชน...สอนให้จำ ทำให้ดู

    อยู่ให้เห็น

ประเด็นถกเถียงเรื่อง “ไม่ใช่” ในปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง

•      พอเพียง เป็นเชิงพลวัตร สามารถเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม  ไม่ใช่ แค่พอในเชิงสถิตย์ที่ไม่เปลี่ยนแปลงเลย

•      ประยุกต์ใช้กับทุกคน ทุกระดับ ทุกภาคส่วนไม่ใช่เฉพาะการเกษตร คนจน หรือ เศรษฐกิจฐานล่าง

•      ไม่ใช่ การอดออม ประหยัดจนเกินควร ไม่ลงทุน และไม่เสี่ยงใดๆ แต่ขยายตัวอย่างมีสติ รอบคอบ ระมัดระวัง

•      ไม่ใช่ ต้องถอยกลับเทคโนโลยีสู่วิถีธรรมชาติดั้งเดิม ต้องพิจารณาจากความเหมาะสมของสภาพแวดล้อมด้านต่างๆ

•      พฤติกรรมการบริโภค ไม่ใช่ จะใช้สิ่งของราคาแพงไม่ได้ แต่ต้องเหมาะสมกับฐานะ ไม่เดือดร้อนต่อตนเองและผู้อื่น

•      เศรษฐกิจพอเพียง ไม่ใช่ การต่อต้านโลกภิวัฒน์ แต่เป็นการรู้เท่าทันและใช้ประโยชน์ด้วยความระมัดระวัง

•      ความคาดหวังใน 25% ของพฤติกรรมของทุกคน ไม่ใช่ จากจำนวนคน หรือจำนวนพื้นที่ประเทศ

แนวทางการทำการเกษตรแบบเศรษฐกิจพอเพียง

•      เน้นหาข้าวหาปลาก่อนหาเงินหาทอง คือ

   ทำมาหากิน ก่อน ทำมาค้าขาย

1.การทำไร่นาสวนผสมและการเกษตรผสมผสาน

  เพื่อให้เกษตรกรพัฒนาตนเองแบบเศรษฐกิจพอเพียง

2.การปลูกพืชผักสวนครัวลดค่าใช้จ่าย

3.การทำปุ๋ยหมักปุ๋ยคอกและใช้วัสดุเหลือใช้เป็นปัจจัยการผลิต(ปุ๋ย)เพื่อลดค่าใช้จ่ายและบำรุงดิน

4.การเพาะเห็ดฟางจากวัสดุเหลือใช้ในไร่นา

5.การปลูกไม้ผลสวนหลังบ้าน
และไม้ใช้สอยในครัวเรือน

6.การปลูกพืชสมุนไพร ช่วยส่งเสริมสุขภาพอนามัย

7.การเลี้ยงปลาในร่องสวน ในนาข้าวและแหล่งน้ำ เพื่อเป็นอาหารโปรตีนและรายได้เสริม

8.การเลี้ยงไก่พื้นเมือง และไก่ไข่ ประมาณ 10-15 ตัวต่อครัวเรือนเพื่อเป็นอาหารในครัวเรือน  โดยใช้เศษอาหาร รำ และปลายข้าวจากผลผลิตการทำนา ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากการปลูกพืชไร่ เป็นต้น

 

 

 

 

 


ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารธุรกิจ
ศิริวงศ์ บุตรเพ็ง
สาขาศิลปศาสตร์

ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารธุรกิจ

เรียนรู้วิธีการ หลักปฏิบัติและเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการติดต่อสื่อสารองค์กร การใช้ภาษาอังกฤษ

การอ่านเพื่อการพัฒนาตนเอง
พานทอง ศุภโกศล
สาขาศิลปศาสตร์

การอ่านเพื่อการพัฒนาตนเอง

คำอธิบายการอ่าน

ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารทางธุรกิจ
ดาวิกา ธนกฤติธีรกุล
สาขาศิลปศาสตร์

ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารทางธุรกิจ

เรียนรู้

  • 1 หน้า 1
  • 2 หน้า 2
  • 3 หน้า 3
  • » หน้าถัดไป
ข้าม {$ a}
ผู้ใช้ที่กำลังออนไลน์
ผู้ใช้ออนไลน์ 5 คน (1 นาทีที่ผ่านมา)
ข้าม {$ a}
ติดต่อผู้ดูแลระบบ

นางปวีณา นาดี
นางสาวอาจารี จรานุวัฒน์
elearning@rmuti.ac.th 
Facebook messenger, bubble, chat, communication, message icon - Free  download http://m.me/ita.rmuti

แผนกงานอีเลิร์นนิ่งและเทคโนโลยีการศึกษา
สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ

ชั้น 4 อาคาร 12B

โทร 2871, 2872 และ 2883
(IP Phone รหัสทางไกล 80)

ติดตามเรา

RMUTI

  • elearning@rmuti.ac.th
Data retention summary
ดาวน์โหลดแอพ
  • 0.291555 secs
  • RAM: 7.5MB
  • RAM peak: 7.5MB
  • Included 316 files
  • get_string calls: 276
  • DB reads/writes: 149/1
  • DB queries time: 0.10981 secs
  • ticks: 29 user: 15sys: 2 cuser: 0 csys: 0
  • Load average: 5.54
  • Session (core\session\redis): 28.9KB
Caches used (hits/misses/sets): 0/0/0

Proudly made with

Moodle logo

©2024 RMUTI LMS
Rajamangala University of Technology Isan Learning Management System. Developed By e-Learning and Education Technology

Powered By Moodle, Moove theme Made with by conecti.me