วิชาการจัดการดำเนินการ
สุกานดา กลิ่นขจรนิลุบล วิโรจน์ฐิติยวงศ์

วิชาการจัดการดำเนินการ

บทที่ 1 การจัดการการปฏิบัติการและผลิตภาพ

   การผลิต (Production)  หมายถึง การสร้างสินค้าและบริการ ส่วนการจัดการ               การปฏิบัติการ  (Operation Management)  หมายถึง กิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการสร้างมูลค่าในรูปของสินค้าและบริการโดยอาศัยกระบวนการแปรรูปหรือภาพปัจจัยนำเข้าให้ออกมาเป็นปัจจัยนำออก กิจกรรมการสร้างสินค้าและบริการนี้จะเกิดขึ้นในทุกๆ องค์การ โดยเฉพาะในธุรกิจอุตสาหกรรม     การผลิต ซึ่งนับได้ว่าเป็นกิจกรรมที่มีความสำคัญอย่างเห็นได้ชัด ตัวอย่างของกิจกรรมการผลิตสินค้า   ที่จับต้องได้ (Tangible  Product)  เช่น โทรศัพท์เคลื่อนที่ยี่ห้อไอโฟน รถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า เป็นต้น

          สำหรับในองค์การที่ไม่ได้ผลิตสินค้าทางด้านกายภาพ ได้แก่ ธุรกิจที่ให้การบริการ ซึ่งหน้าที่ทางด้านการผลิตอาจเห็นได้ไม่ชัดเจน ตัวอย่างเช่น ธนาคาร โรงพยาบาล สายการบิน มหาวิทยาลัย ฯลฯ บริการต่างๆเหล่านี้เป็นบริการที่ไม่มีตัวตนผลิตภัณฑ์อาจอยู่ในรูปของการโอนเงินจากบัญชี     ออมทรัพยสู่บัญชีกระแสรายวันการจัดที่นั่งผู้โดยสารในสายการบิน หรือการให้การศึกษาแก่นักศึกษา อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าผลิตภัณฑ์ขั้นสุดท้ายจะเป็นสินค้าหรือบริการ กิจกรรมการผลิตซึ่งดำเนินการ     ในองค์การมักถูกเรียกว่าเป็น การดำเนินงาน (operations)  หรือการจัดการทางการปฏิบัติการ    (Operations Management)

การศึกษาการจัดการการปฏิบัติการมีความสำคัญเพื่อเหตุผล 4 ประการ ดังนี้

1.    การจัดการการปฏิบัติการเป็นหนึ่งในหน้าที่หลัก 3 ประการคือ การตลาด (การขาย) การเงิน (การบัญชี) และการผลิต (การปฏิบัติการ) และยังเกี่ยวข้องกับหน้าที่ทางธุรกิจอื่นๆ ของทุกองค์การจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งที่ต้องทราบถึงวิธีการจัดการในส่วนที่เป็นหน้าที่ของกิจกรรมการจัดการปฏิบัติการ เพื่อการขับเคลื่อนองค์การให้มีลักษณะขององค์การผลิตภาพ (Productive enterprise)

2.  การศึกษาการจัดการการปฏิบัติการเกิดขึ้นเนื่องจาก ความต้องการที่จะทราบถึงวิธีการผลิตสินค้าและบริการ หน้าที่ทางการผลิตจึงนับได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของสังคมที่ดำเนินการผลิตสินค้าให้กับคนในสังคม

3.  การศึกษาทางด้านการจัดการการปฏิบัติการ เป็นการศึกษาเพื่อให้เกิดความเข้าใจว่า ผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการทำหน้าที่อย่างไรบ้าง การเข้าใจในหน้าที่ของผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการจะเอื้ออำนวยต่อการพัฒนาทักษะที่จำเป็นต่อการก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้บริหารให้กับพนักงานได้ สิ่งเหล่านี้จะสามารถช่วยให้ผู้ศึกษาวิชานี้สามารถสำรวจและค้นหาโอกาสในอาชีพงานด้านการจัดการปฏิบัติการได้

4.    เนื่องจากการจัดการปฏิบัติการเป็นส่วนที่มีต้นทุนสูงขององค์การ ฉะนั้น หากองค์การมีการจัดการการปฏิบัติการที่เหมาะสม ก็จะส่งผลให้องค์การมีโอกาสที่ดีในการได้รับผลกำไรที่สูงขึ้น รวมทั้งสามารถเพิ่มพูนการบริการให้แก่สังคมได้

ความท้าทายทางด้านผลิตภาพ

         

การผลิตสินค้าและบริการได้มาจากการแปรสภาพทรัพยากรทางการผลิต กล่าวได้ว่า      หากการแปรสภาพเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากเพียงใด ผลผลิตที่ได้ก็จะมีมูลค่าเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น ผลิตภาพวัดได้โดยพิจารณาจาก อัตราส่วนของปัจจัยนำออกในรูปสินค้าและบริการหารด้วยปัจจัยนำเข้า (ทรัพยากรทางการผลิต เช่น แรงงาน เงินทุน) งานหลักอย่างหนึ่งที่สำคัญของผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการคือ การพยายามเพิ่มพูนหรือปรับปรุงสัดส่วนระหว่างปัจจัยนำออกและปัจจัยนำเข้าการปรับปรุงผลิตภาพก็คือ การปรับปรุงประสิทธิภาพของการผลิตนั่นเอง

 

          การปรับปรุงประสิทธิภาพของการผลิตสามารถดำเนินการได้ 2 วิธี คือ (1) การลดปัจจัยนำเข้าในขณะที่ผลผลิตยังคงเดิม และ (2) การเพิ่มผลผลิตขณะที่ปัจจัยนำเข้ายังคงเดิมในทางเศรษฐศาสตร์ ปัจจัยนำเข้าได้แก่ วัตถุดิบ แรงงาน เงินทุน และการจัดการ ซึ่งนำมารวมกันเป็นระบบการผลิต

 

 

 

 

 

 

 

         ปัจจัยนำเข้า                                  กระบวนการ                                         ปัจจัยนำออก

          (Inputs)                                      (Process)                                            (Outputs)

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 


วงจรการป้อนกลับ

          ( Feedback loop)

รูปที่ 1.4 

ตัวอย่างระบบเศรษฐกิจที่มีการแปรสภาพปัจจัยนำเข้าเป็นปัจจัยนำออกโดยมีวงจรการป้อนกลับที่สามารถประเมินผลการทำงานของแผนงาน และประเมินความพึงพอใจของลูกค้า ตลอดจนการควบคุมปัจจัยนำเข้าและกระบวนการผลิต

         

          การบริหารจัดการจะสร้างระบบการผลิตซึ่งจะดำเนินการแปรสภาพปัจจัยนำเข้าต่างๆ ให้ออกมาเป็นปัจจัยนำออกหรือผลผลิตในรูปของสินค้าและบริการ การผลิตจึงเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดสินค้าและบริการ กรณีที่มีการผลิตเป็นจำนวนมากนั่นหมายถึง การใช้แรงงานที่เพิ่มขึ้นหรือระดับการจ้างงานที่สูง แต่มิได้หมายความถึงผลิตภาพที่สูงขึ้น

          การวัดผลิตภาพ เป็นการวัดมูลค่ารวมของปัจจัยนำออกที่ผ่านกระบวนการแปรสภาพแล้ว นำมาเปรียบเทียบกับปัจจัยนำเข้า เช่น การประเมินขีดความสามารถของประเทศที่ดำเนินการปรับปรุงมาตรฐานการครองชีพเพื่อประชาชนของตน นอกจากนี้ หากไม่มีการเพิ่มประสิทธิภาพของผลผลิต ต้นทุนค่าใช้จ่ายต่างๆ จะเพิ่มสูงขึ้น ในทางกลับกัน ต้นทุนค่าใช้จ่ายต่างๆ จะลดลงถ้าประสิทธิภาพของผลผลิตเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีการผลิตเพิ่มมากขึ้นขณะที่ใช้ทรัพยากรในจำนวนเท่าเดิม ผลิตภาพเป็นสิ่งที่มีความสำคัญยิ่ง ดังนั้น ผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการจึงต้องให้ความสำคัญกับประเด็นนี้เป็นอย่างมาก การวัดผลิตภาพสามารถวัดได้โดยตรง เช่น การวัดการทำงานของแรงงานต่อชั่วโมงต่อจำนวนตันของเหล็กกล้า หรือวัดพลังงานไฟฟ้าเป็นกิโลวัตต์ ลักษณะของการวัดผลิตภาพ มีดังต่อไปนี้

 

1.   การวัดผลิตภาพแบบปัจจัยเดี่ยว (Single factor productivity) เป็นการแสดงสัดส่วนของการใช้ทรัพยากร (ปัจจัยนำเข้า) หนึ่งอย่าง เพื่อการผลิตสินค้าหรือบริการ (ปัจจัยนำออก) ดังสมการต่อไปนี้

ผลิตภาพ (Productivity)  =             หน่วยของผลผลิตที่ผลิตได้ (Units produced)

                                                        ปัจจัยนำเข้าที่ใช้ (Input used)

ตัวอย่าง    ถ้าหน่วยของผลผลิตที่ผลิตได้                                  =  1,000 หน่วย              

              และจำนวนชั่วโมงแรงงานที่ใช้ หรือปัจจัยนำเข้าที่ใช้        =  250 ชั่วโมง

              ผลิตภาพ                                                         =  1,000 / 250

                                                                   =  4 หน่วยต่อชั่วโมงแรงงาน

 

2.   การวัดผลิตภาพแบบพหุปัจจัย (Multifactor productivity) เป็นการแสดงสัดส่วนของการใช้ทรัพยากร (ปัจจัยนำเข้า) หลายอย่าง หรือทั้งหมดทุกๆ ปัจจัย ได้แก่ แรงงาน วัตถุดิบ พลังงาน เงินทุน ฯลฯ เพื่อการผลิตสินค้าหรือบริการ (ปัจจัยนำออก) ดังสมการต่อไปนี้

 

ผลิตภาพ (Productivity)   =                               ผลผลิต (Output)

                                          แรงงาน + วัตถุดิบ + พลังงาน + เงินทุน + อื่นๆ

                                       (Labor+Material+Energy+Capital+Miscellaneous)

 

ตัวอย่าง  ร้านสยามดัสตี้   มีพนักงานอยู่ 4 คน พนักงานแต่ละคนทำงาน 8 ชั่วโมง / วัน (ค่าจ้างแรงงาน 640 บาท /วัน) ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน 400 บาท/ วัน ร้านสยามดัสตี้ได้ทำการประมวลผลข้อมูลและเปิดงานวันละ 8 รายการ เมื่อไม่นานมานี้ และซื้อระบบคอมพิวเตอร์  ซึ่งจะประมวลผลข้อมูลได้สูงถึง 14 รายการต่อวัน ถึงแม้ว่าพนักงานจะมีชั่วโมงการทำงานและการจ่ายเงินเช่นเดียวกัน แต่ทางร้านสยามดัสตี้ ก็มีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเป็นจำนวนถึง 800 บาทต่อวัน

 

ผลิตภาพด้านแรงงานในระบบเดิม  =        8 รายการ / วัน     = 0.25 รายการ / ชั่วโมงแรงงาน

                                                 32 ชั่วโมง / แรงงาน

ผลิตภาพด้านแรงงานในระบบใหม่   =       14 รายการ / วัน   = 0.4375 รายการ / ชั่วโมงแรงงาน                                                    32 ชั่วโมง / แรงงาน

ผลิตภาพแบบพหุปัจจัยในระบบเดิม =       8 รายการ / วัน  = 0.0077 รายการ / บาท

                                                     $640 + 400

ผลิตภาพแบบพหุปัจจัยในระบบใหม่ =    14 รายการ / วัน   = 0.0097 รายการ / บาท

                                                    $640 + 800

-          ผลิตภาพด้านแรงงานเพิ่มขึ้นจาก 0.25 เป็น 0.4375 การเปลี่ยนแปลงเป็น 0.4375 / 0.25 = 1.75 หรือเพิ่มขึ้น 75% ในผลิตภาพด้านแรงงาน

-          ผลิตภาพแบบพหุปัจจัยเพิ่มขึ้นจาก 0.0077 เป็น 0.0097 การเปลี่ยนแปลงเป็น

0.0097 / 0.0077 = 1.259 หรือเพิ่มขึ้น 25.9% ในผลิตภาพแบบพหุปัจจัย